ครูบาอาจารย์ผู้เป็นสหธรรมิก
ครูบาอาจารย์ผู้เป็นสหธรรมิก
เรื่อง "ความเมตตาครูบาอาจารย์ผู้เป็นสหธรรมิก"
(หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร ได้เมตตาเข้าเยี่ยมดูอาการอาพาธของ หลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร)
หลวงปู่สิงห์ทอง : คันผมตายมาเผาผมแหน่เด้อ ?
หลวงปู่สมภาร : จักไผสิตายก่อนตายลุนล่ะ เบิ่งๆ กันไปนี่ล่ะ อย่าฟ้าวตายป่ะกันหลายแหมะเฮ้ย
____________________________
หลวงปู่สมภาร : เป็นจังได๋ อย่าลืมพุทโธเด้อ
หลวงปู่สิงห์ทอง : บ่ลืมดอก
หลวงปู่สมภาร : พิจารณาเพิ่งดีๆ เด้อ คนเฮานี้ประกอบด้วยธาตุ ๔ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ขาดอันได๋อันหนึ่งไปบ่ได้ มันอยู่บ่ได้ โดยเฉพาะลม เกิดมาแล้วให้พิจารณาเพิ่งตั้งแต่มื้อเกิด ได้ ๑๐ ปี ๒๐ ปี ๓๐ ปี ๔๐ ปี ๕๐ ปี ๖๐ ปี มาจนฮอดมื้อนี้ มันเป็นจังได๋ แบบเฮาสองคนนี้ หาบ่ได้แล้วเด้ อีก ๒-๓ ปี จะพอ ๑๐๐ เกิด แก่ เจ็บ ตาย กะอยู่ในตัวเฮานี่ล่ะมีกันทุกคน หนีไปไสบ่ได้ สิเอาน้ำมาฮดไม้แก่นหล่อน(ไม้ผุ) มันบ่ป่งใบป่งดอก(งอก)แล้วเด้ มันบ่คืนแล้วเด้ ให้พิจารณาเพิ่งคักๆ วัดวาอาราม สิ่งของอย่าไปห่วงมันเด้อ มันบ่แม่นของเฮาเด้ เป็นของญาติโยมเขาสร้างให้ พวกเฮามาอาศัยญาติโยมเขา มันเป็นของญาติโยมเขาเด้ เงินทองอย่าไปสะสมเด้อ มันเป็นภาระ เป็นทุกข์
หลวงปู่สิงห์ทอง : บ่ได้สะสม เอาใส่ศาลาเบิ่ดเลย
หลวงปู่สมภาร : คือจังอาจารย์จวนเพิ่นว่าไว้ มันแม่นความเพิ่นเด้ ผมพิจารณาเพิ่ง สี่
คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนนำไป มันแปลว่าจังได๋
สี่คนหามกะธาตุ ๔ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ
สามคนแห่ กะตกอยู่ใน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือสิว่า ทาน ศีล ภาวนา หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา กะได้
หนึ่งคนนั่งแคร่กะ "จิตใจของเฮา" นี่ล่ะ
สองคนนำไป กะได้แก่ บุญบาป หรือนรกสวรรค์ นั้นล่ะ สิไปทางใด กะพาใจดวงนี้ล่ะ ไปสวรรค์กะแม่นใจ ไปนรกกะแม่นใจ
เอาล่ะ ผมสิลาเด้อ ให้พิจารณาดีๆ เด้อ
แล้วองค์ท่านก็เอื้อมมือไปสัมผัสกัน